วันอังคารที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2559

เครื่องแต่งกาย สมัยธนบุรี



    ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เครื่องแต่งกายสมัยธนบุรี    สมัยกรุงธนบุรี ภายหลังสงครามสิ้นสุดลง พระเจ้ากรุงธนได้มี ความสัมพันธ์กับ ต่างประเทศมากขึ้น เพื่อฟื้นฟู เศรษฐกิจ เพื่อช่วยให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ดีขึ้น จึงเปิดการค้าขายติดต่อกับประเทศจีน ส่วนชาวยุโรป ชาติต่างๆ ที่เคยเข้ามา ติดต่อค้าขาย ในสมัยกรุงศรีอยุธยา นั้นได้พากันอพยพ ออกไปค้าขายอยู่ในประเทศอื่นๆ เสียหมดเพราะ บ้านเมืองตกอยู่ ในสภาพยุคเข็ญเป็นจลาจลเสียช้านาน และประกอบกับ ทางยุโรป กำลังยุ่งยาก กับการทำศึกสงคราม ในสมัยพระเจ้านโปเลียนที่ 1 จึงทำให้การติดต่อ ไมตรีกับชาวยุโรปชาติต่างๆ ต้องยุติลง ชั่วระยะหนึ่ง

เครื่องเเต่งกาย สมัยรัตนโกสินทร์



                                     ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เครื่องแต่งกายสมัยรัตนโกสินทร์


                                                                    หญิง 
ผม ไว้ผมปีกประบ่ากันไรผมวงหน้าโค้ง ส่วนบนกระหม่อมกันไรผมเป็นหย่อมวงกลม แบ่งผมออกดูคล้ายปีกนก จึงเรียกผมปีก แต่ไม่ยาวเท่าสมัยอยุธยา ปล่อยจอน ข้างหูยาวแล้ว ยกขึ้น ทัดไว้ที่หู เรียกว่า “จอนหู” ส่วนเด็ก ๆ นิยมไว้ผมจุก 
การแต่งกาย นุ่งผ้าจีบ ห่มสไบเฉียง ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากสมัยอยุธยา ชาวบ้านนุ่งผ้าถุง หรือโจงกระเบน สวมเสื้อรัดรูปแขนกระบอก ห่มตะเบงมาน หรือผ้าแถบคาดรัดอก และห่มสไบ เฉียงทับ 
ชาย
ผม 
ยังคงไว้แบบเดียวกับสมัยอยุธยา คือ ทรงมหาดไทย ชาวบ้านเรียกว่า “ทรงหลักแจว” 
การแต่งกาย นุ่งผ้าม่วง โจงกระเบน สวมเสื้อเป็นแบบเสื้อนอกคอเปิด ผ่าอก แขนยาว กระดุม 5 เม็ด ชาวบ้านจะไม่สวมเสื้อ หรือพาดผ้า 

เครื่องเเต่งกาย สมัยโบราณ


      ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เครื่องแต่งกายสมัยโบราณ      

                    ผู้หญิงไทยสมัยโบราณที่เห็นในภาพยนตร์ประวัติศาสตร์ที่เน้นความสมจริงจะเปลือยอกกัน ในความเป็นจริงทางประวัติศาสตร์เขาเปลือยกัน อาจจะมีผ้าพลาดไหลมาบังอกบ้าง แต่ก็เห็นอยู่ดี และทั้งที่ยังสาวๆกันอยู่ (ไม่เกี่ยวกับความสวย ที่เห็นในภาพยนตร์อยู่ที่ตัวนักแสดง) สมัยก่อนเขาไม่อายกันหรอ จะบอกว่าใครๆเขาก็เปลือยก็เลยไม่อาย อากาศร้อน เปลือยเถอะจะได้สบาย ถ้างั้นทำไมไม่เปลือยทั้งตัวจะได้สบายยิ่งกว่า เพราะยังไงร่างกายผู้หญิงท่อนบนก็ไม่เหมือนผู้ชายอยู่แล้ว จะเปลือยข้างล่างที่ไม่เหมือนกันอีกก็ไม่น่าจะอายเหมือนกัน แต่พอเป็นหญิงมีฐานะจนถึงเจ้าในวังไม่เห็นจะเปลือย ในประวัติศาสตร์เขาไม่เปลือยหรือเพราะคนแสดงบทคนระดับนี้เป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงเขาเลยไม่ยอมเปลือยกัน และผู้ชายสมัยนั้นเห็นผู้หญิงเปลือยแล้วไม่เกิดอารมณ์กันหรอ     




เครื่องเเต่งกาย สมัยอยุธยา



                  ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เครื่องแต่งกายสมัยอยุธยา    สมัยอยุธยา (พ.ศ. 1893 ถึง พ.ศ. 2310) 

ราวสมัย พ.ศ. 1893 สมัยพระเจ้าอู่ทองสร้างกรุงศรีอยุธยา ชาวบ้านปลดกางเกงหรือ สนับเพลาออกบ้างแล้ว คงใช้เฉพาะขุนนางข้าราชสำนัก แบบขัดเขมรจึงถูกปล่อยให้ยาวลงมาถึง ใต้เข่าเป็น “นุ่งโจงกระเบน” เสื้อคอกลมแขนกรอมศอก สตรีนุ่งผ้าและผ้ายกห่มสไบเฉียง สวมเสื้อ บ้างโดยมากเป็นแขนกระบอก 


เครื่องแต่งกายสมัย สุโขทัย

                                                                            ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เครื่องแต่งกายสมัยสุโขทัย 

เมื่อครั้งที่”พ่อขุนศรีอินทราทิตย์” ทรงสถาปนากรุงสุโขทัยขึ้น เป็นราชธานี แห่งอาณาจักร สุโขทัย เมื่อ พ.ศ.1762 ได้มีหัวเมืองต่างๆที่มีคนไทยปกครองก็หันมายอมรับเอากรุงสุโขทัยเป็น ศูนย์กลางอำนาจ ทำให้มีอาณาเขตแผ่กว้างออกไป มีความเจริญก้าวหน้าในทุกด้านทั้ง ศิลปวัฒนธรรมและวิทยาการ(โอม รัชเวทย์, 2543:44) การแต่งกายของชาวสุโขทัยอาจเทียบเคียง ได้จากภาพเขียนลายเส้นบนแผ่นศิลาจากวัดศรีชุม ภาพลายเส้นบนรอยพระพุทธบาทที่ทำด้วย สำริด รูปหล่อสำริดและตุ๊กตาสังคโลก (คณะอนุกรรมการแต่งกายไทย, 2543: 102-103) ที่แสดง ให้เห็นทั้งทรงผม เสื้อ ผ้าห่ม เครื่องประดับและเครื่องหอม 




สมัย สุโขทัย



                                        ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ สมัยสุโขทัย



                           อาณาจักรสุโขทัย หรือ รัฐสุโขทัย (อังกฤษKingdom of Sukhothai) เป็นอาณาจักร หรือรัฐในอดีตรัฐหนึ่ง ตั้งอยู่บนที่ราบลุ่มแม่น้ำยม เป็นชุมชนโบราณมาตั้งแต่ยุคเหล็กตอนปลาย จนกระทั่งสถาปนาขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 18 ในฐานะสถานีการค้าของรัฐละโว้ หลังจากนั้นราวปี 1800พ่อขุนบางกลางหาวและพ่อขุนผาเมือง ได้ร่วมกันกระทำการยึดอำนาจจากขอมสบาดโขลญลำพง ซึ่งทำการเป็นผลสำเร็จและได้สถาปนาเอกราชให้สุโขทัยเป็นรัฐอิสระ และมีความเจริญรุ่งเรืองตามลำดับและเพิ่มถึงขีดสุดในสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ก่อนจะค่อย ๆ ตกต่ำ และประสบปัญหาทั้งจากปัญหาภายนอกและภายใน จนต่อมาถูกรวมเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรอยุธยาไปในที่สุด

สมัยปัจจุบัน

            ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ สมัย ปัจจุบัน          




                               สมัยปัจจุบัน เป็นช่วงเวลาของอารยธรรมหนึ่ง ๆ ซึ่งเป็นช่วงที่แต่ละอารยธรรมจะมีเทคโยโลยีเข้ามาใช้อย่างแพร่หลาย และมีการตระหนักถึงการใช้เทคโนโลยีอย่างถูกวิธี
นักประวัติศาสตร์ได้กำหนดช่วงเวลาที่เป็น "สมัยปัจจุบัน" ของสากลโลกไว้ให้ตรงกับ ค.ศ. 1945 จนถึงปัจจุบันนี้ โดยเริ่มนับจากการสิ้นสุดของสงครามโลกครั้งที่สอง เป็นต้นมา
ในสมัยใหม่ เป็นช่วงเวลาแห่งการสร้างเทคโนโลยี และการค้นพบทฤษฎีความรู้ต่างๆ มากมาย แต่ทว่า การใช้เทคโนโลยีอย่างขาดจิตสำนึกทำให้เทคโนโลยีถูกใช้ไปในทางไม่ดีในช่วงปลายของสมัยใหม่ เกิดการแข่งขันสะสมและประดิษฐ์อาวุธอันร้ายแรงของประเทศต่างๆ จนนำไปสู่สงครามโลกถึง 2 ครั้ง ในเวลาเพียง 31 ปี มีผู้เสียชีวิตรวมกว่า 100 ล้านคน เป็นความสูญเสียของมนุษย์ ที่เกิดจากสิ่งประดิษฐ์และการกระทำของมนุษย์ด้วยกันเอง

วันจันทร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2559

สมัย หริภุญชัย

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ สมัย หริภุญชัย

สมัยหริภุญชัย หรือ หริภุญไชย เป็นอาณาจักรมอญ[1]ที่ตั้งอยู่บริเวณภาคเหนือของประเทศไทยปัจจุบัน ตำนานจามเทวีวงศ์โบราณได้บันทึกไว้ว่า ฤๅษีวาสุเทพเป็นผู้สร้างเมืองหริภุญชัยขึ้นในปี พ.ศ. 1310 แล้วทูลเชิญพระนางจามเทวี ซึ่งเป็นเจ้าหญิงจากอาณาจักรละโว้ ขึ้นมาครองเมืองหริภุญชัย ในครั้งนั้นพระนางจามเทวีได้นำพระภิกษุ นักปราชญ์ และช่างศิลปะต่าง ๆ จากละโว้ขึ้นไปด้วยเป็นจำนวนมากราวหมื่นคน พระนางได้ทำนุบำรุงและก่อสร้างบ้านเมือง ทำให้เมืองหริภุญชัย (ลำพูน) นั้นเป็นแหล่งศิลปวัฒนธรรมที่เจริญรุ่งเรืองยิ่ง ต่อมาพระนางได้สร้างเขลางค์นคร (ลำปาง) ขึ้นอีกเมืองหนึ่งให้เป็นเมืองสำคัญ สมัยนั้นปรากฏมีการใช้ภาษามอญโบราณในศิลาจารึกของหริภุญชัย มีหนังสือหมานซูของจีนสมัยราชวงศ์ถัง กล่าวถึงนครหริภุญชัยไว้ว่าเป็น “อาณาจักรของสมเด็จพระราชินีนาถ” (女王國 หนี่ว์ หวัง กว๋อ )

วันอังคารที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2559

สมัย ยุคโลหะ


                                                   ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ สมัย ยุค โลหะ

                                              ยุคโลหะ (อังกฤษMetal Age) เป็นยุคที่อยู่ในช่วงยุคก่อนประวัติศาสตร์ เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 5,000-900 ปีก่อนพุทธศักราช ยุคที่มนุษย์รู้จักนำเอาแร่โลหะมาจากธรรมชาตินำมาใช้เพื่อประโยชน์ เช่น ทองแดงสำริด และเหล็ก นำมาหล่อหรือขึ้นเป็นมีดหอก และดาบ เพื่อใช้ในการล่าสัตว์ หรือมาประกอบเป็นเครื่องมือ เครื่องใช้ และเครื่องประดับ มนุษย์สมัยนี้พัฒนาการเป็นอยู่อาศัยและการเกษตรกรรมให้ดียิ่งขึ้น เช่น การสร้างบ้านให้ใต้ถุนบ้านสูง[1][2] มีความเชื่อในเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์[3] โดยยุคโลหะ แบ่งออกเป็น 3 ยุคย่อยคือ ยุคทองแดงปนหิน ยุคสำริด และยุคเหล็ก

สมัย ประวัติศาสตร์




สมัยประวัติศาสตร์

1.ประวัติศาสตร์สมัยโบราณ(3,500 ปีก่อนคริสต์ศักราช-ค.ศ. 476)เริ่มเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกบริเวณดินแดนเมโสโปเตเมียแถบลุ่มแม่น้ำไทกริส-ยูเฟรทีสและดินแดนอียิปต์แถบลุ่มแม่น้ำไนล์ที่ชาวเมโสโปเตเมียและชาวอียิปต์รู้จักประดิษฐ์ตัวอักษรได้เมื่อ 3,500 ปี ก่อนคริสต์ศักราชจากนั้นอิทธิ พลของความเจริญของสองอารยธรรมก็ได้แพร่หลายไปยังทางใต้ของยุโรปสู่เกาะครีตต่อมาชาวกรีกได้รับเอาความเจริญจากเกาะครีตและความเจริญของอียิปต์มาสร้างสมเป็นอารยธรรมกรีกขึ้นและเมื่อชาวโรมันในแหลมอิตาลียึดครองกรีกได้ชาวโรมันก็นำอารยธรรมกรีกกลับไปยังโรมและสร้างสมอารยธรรมโรมันขึ้นต่อมาเมื่อชาวโรมันสถาปนาจักรวรรดิโรมันพร้อมกับขยายอาณาเขตของตนไปอย่างกว้างขวางอารยธรรมโรมันจึงแพร่ขยายออกไปจนกระทั่งจักรวรรดิโรมันล่มสลายลงเมื่อพวกชนเผ่าเยอรมันเข้ายึดกรุงโรมได้ใน ค.ศ. 476 ประวัติศาสตร์สมัยโบราณของชาติตะวันตกจึงสิ้นสุดลง


สมัย ยุคหินกลาง

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ สมัยหินกลาง
ยุคหินกลาง (อังกฤษMesolithic Period หรือ Middle Stone Age) เป็นช่วงเวลาระหว่างยุคหินเก่ากับยุคหินใหม่ ในช่วงเวลาประมาณ 5,000 - 10,000 ปีที่แล้ว เป็นเวลาที่มนุษย์ในช่วงเวลานี้เริ่มมีการนำวัสดุธรรมชาติมาใช้ประโยชน์ เช่น ทำตะกร้าสาน ทำรถลาก และเครื่องมือเครื่องใช้ที่ทำด้วยหินก็มีความประณีตมากขึ้น ตลอดจนรู้จักนำสุนัขมาเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยง
ในสมัยยุคหินกลาง มนุษย์รู้จักการเลี้ยงสัตว์และเริ่มมีการเพาะปลูกพืช แต่อาชีพหลักของมนุษย์ในสมัยนี้ยังคงเป็นการล่าสัตว์ และยังเร่ร่อนไปตามแหล่งสมบูรณ์ โดยมักตั้งหลักแหล่งอยู่ตามแหล่งน้ำ ชายฝั่งทะเล ประกอบอาชีพประมง ล่าสัตว์และบริเวณที่มีความอุดมสมบูรณ์ โดยที่จีนมีการสร้างกำแพงหิน ขวานหิน ขุดอุโมงหิน



วันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2559

สมัย ก่อนประวัติศาสตร์



                   สมัยก่อนประวัติศาสตร์  เป็นสมัยที่มนุษย์ยังไม่รู้จักการประดิษฐ์ตัวอักษร การศึกษาค้นคว้าจะใช้หลักฐานโบราณคดี เช่น เครื่องมือเครื่องใช้ เครื่องประดับ ภาพวาดตามฝาผนังถ้ำ ฯลฯ สมัยก่อนประวัติศาสตร์จะแบ่งออกได้เป็น 2 ยุค ได้แก่ ยุคหินและยุคโลหะ โดยแบ่งตามระดับความเจริญก้าวหน้าในการประดิษฐ์เครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ

สมัยธนบุรี


         สมัยธนบุรี  สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช  ได้ทรงกอบกู้อิสรภาพของชาติไทย รวบรวมอาณาเขตประเทศไทย ให้เป็นปึกแผ่น ทรงปฏิบัติการรบด้วยความกล้าหาญ ขยายอาณาเขตออกไปได้กว้างขวาง นับว่าพระองค์ เป็นมหาวีรกษัตริย์ที่ได้ทรงทำคุณประโยชน์อันยิ่งใหญ่ ให้ไว้แก่ชาติไทยเป็นอันมาก ควรแก่การเทิดทูนในพระเกีย รติคุณเป็นอย่างยิ่ง  ต่อมาในปลายรัชกาล พระองค์เสียพระจริต จึงถูกข้าราชการปลดพระองค์ออกจากราชสมบัติรวมเวลาครองราชย์อยู่ 15 ปี สิ้นสุดสมัยกรุงธนบุรีเมื่อ พ.ศ. 2325 ประชาชนชาวไทยในหนหลัง ได้ถวายพระนามว่า สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช 


วันอังคารที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2559

สมัยอยุธยา

แผนที่ประเทศไทยสมัยอยุธยา

ประวัติศาสตร์ไทยสมัยอยุธยา

(พ.ศ. 1893 - 2310)

การสถาปนากรุงศรีอยุธยา
       ในราวปี  พ.ศ.  1893  เมื่อกรุงสุโขทัย เริ่มเสื่อมอำนาจลง หัวเมืองต่าง ๆ  จึงแข็งข้อ  เมืองอู่ทอง ซึ่งเป็นเมืองขึ้นของกรุงสุโขทัยเป็นเมืองใหญ่  พระเจ้าอู่ทอง จึงเริ่มสะสมกองกำลัง และเป็นผู้นำคนไทย ที่อาศัยอยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาตอนกลาง  และตอนล่าง  ได้สถาปนากรุงศรีอยุธยาขึ้นเป็นอิสระจากสุโขทัย  โดยตั้งราชธานีบริเวณหนองโสน  หรือบึงพระราม  ซึ่งก็คือจังหวัดพระนครศรีอยุธยาในปัจจุบัน  เหตุที่ย้ายเมืองมาสร้างราชธานีที่กรุงศรีอยุธยา  ก็เนื่องจากเป็นที่ราบลุ่มอุดมสมบูรณ์ และเป็นที่รวมของแม่น้ำหลายสาย  จึงเป็นปากประตูสู่เมืองทางด้านเหนือทั้งสุโขทัยและเชียงใหม่  พระเจ้าอู่ทองทรงเป็นปฐมกษัตริย์ในราชวงศ์อู่ทอง  ทรงพระนาว่า  สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 

สมัยรัตนโกสินทร์

แผนที่ประเทศไทยสมัยรัชกาลที่ 1  แห่งกรุงรัตนโกสินทร์

   ประวัติศาสตร์ไทยสมัยรัตนโกสินทร์

 การสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์     
   หลังจากที่สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ทรงปราบจลาจลในปลายสมัยธนบุรีเสร็จสิ้นแล้ว  จึงได้ทรงสถาปนาราชวงศ์จักรี  และขึ้นครองราชย์ในฐานะปฐมกษัตริย์ แห่งราชวงศ์จักรี  ทรงพระนาว่า สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
     สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช  ได้ทรงย้ายราชธานีจากกรุงธนบุรี มายังฝั่งกรุงเทพฯ  ซึ่งอยู่ทางด้านตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา  เมื่อ พ.ศ.  2325
    สาเหตุที่ทรงย้ายราชธานี  มีดังนี้  คือ
     1.  พระราชวังเดิมของกรุงธนบุรีคับแคบ  มีวัดขนาบทั้ง  2  ข้าง  (คือวัดท้ายตลาด หรือวัดโมลีโลกยาราม  และวัดอรุณราชวราราม) 
     2.  ทรงไม่มีพระประสงค์จะให้ราชธานีแบ่งออกเป็น  2  ส่วน  โดยมีแม่น้ำเจ้าพระยากั้น
     3.  พื้นที่นทางฝั่งตะวันออกเป็นที่ราบลุ่ม  สามารถขยายเมืองออกได้อย่างกว้างขวาง
     4.  ฝั่งธนบุรีพื้นที่เป็นท้องคุ้ง  น้ำกัดเซาะตลิ่งพังทลายได้ง่าย
     ในการสร้างพระบรมมหาราชวัง  โปรดให้สร้างวัดขึ้นในพระบรมมหาราชวังด้วย  คือวัดพระศรีรัตนศาสดาราม  หรือวัดพระแก้ว  แล้วอัญเชิญพระแก้วมรกตมาประดิษฐาน